โอลิเวีย ลาวาสเซอร์ (Olivier Levasseur) ค.ศ.1688-1730 ฉายา The Buzzard ที่แปลว่าอีแร้ง ได้มาจากการเข้าโจมตีเรือเป้าหมายด้วยความเร็วสูง เกิดในเมืองกาแล ประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวเป็นชนชั้นกลางที่มีการศึกษาสูง ได้ข้าร่วมรบในสงครามกับประเทศสเปนในปี ค.ศ.1701-1714 แต่เมื่อสงครามสงบก็ได้ไปเข้าร่วมกับกลุ่มโจรสลัดที่มีชื่อว่า The Flying Gang เรือโจรสลัดลำนี้มี เคราดำอยู่ด้วยนะ
จนกระทั่งในปี 1720 ลาวาสเซอร์ ก็เริ่มมีผลงานเป็นของตัวเอง โดยเริ่มปล้นในแถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันตก แต่โชคร้ายทีเรือได้อัปปางในโมซัมบิกและลอยไปติดชายฝั่งที่หมู่เกาะโคโมรอส จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ตาข้างหนึ่งของเค้าบอดและต้องใส่ที่ครอบตาไปตลอดชีวิต
ต่อมาในปี 1721 ลาวาสเซอร์ได้ตั้งกองบัญชาการขึ้นบนเกาะ Sainte-Marie ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเกาะมาดากัสกามากนัก และได้ร่วมมือกับโจรสลัดมีชื่ออีกสองคนคือ กัปตันจอห์น เทย์เลอร์และกัปตันเอร์ดวาด อิงแลนต์ เข้าปล้นเกาะทางตะวันตกหลายแห่งที่ประเทศอินเดีย ได้ทรัพย์สินมามากมายกว่า 10 ล้านเหรียญ
ขอตัดเข้าสู่เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ กัปตันโอลิเวีย ลาวาสเซอร์ ได้กลายเป็นตำนานอันโด่งดังมาจนปัจจุบัน และทำให้เค้าโด่งดังไปทั่วในฐานะโจรสลัดที่มั่งคั่งที่สุดคือการเข้าปล้น เรือขนสมบัติของโปรตุเกส ซึ่งเป็นเรือของสังฆราสแห่งกัว(Bishop of Goa) ซึ่งบรรทุกทรัพย์สินมีค่ามาเต็มลำเรือ ทั้งเพรชนิลจินดา เครื่องทอง ผ้าไหม ไข่มุก ทองคำแท่งและอัญมณีต่างๆ ซึ่งรวมมูลค่าในปัจจุบันมากกว่า 450,000,000 เหรียญ แต่ดูเหมือนว่าเวรกรรมจะติดจรวดมิสไซส์
จนกระทั่งในปี 1720 ลาวาสเซอร์ ก็เริ่มมีผลงานเป็นของตัวเอง โดยเริ่มปล้นในแถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันตก แต่โชคร้ายทีเรือได้อัปปางในโมซัมบิกและลอยไปติดชายฝั่งที่หมู่เกาะโคโมรอส จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ตาข้างหนึ่งของเค้าบอดและต้องใส่ที่ครอบตาไปตลอดชีวิต
ต่อมาในปี 1721 ลาวาสเซอร์ได้ตั้งกองบัญชาการขึ้นบนเกาะ Sainte-Marie ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเกาะมาดากัสกามากนัก และได้ร่วมมือกับโจรสลัดมีชื่ออีกสองคนคือ กัปตันจอห์น เทย์เลอร์และกัปตันเอร์ดวาด อิงแลนต์ เข้าปล้นเกาะทางตะวันตกหลายแห่งที่ประเทศอินเดีย ได้ทรัพย์สินมามากมายกว่า 10 ล้านเหรียญ
ขอตัดเข้าสู่เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ กัปตันโอลิเวีย ลาวาสเซอร์ ได้กลายเป็นตำนานอันโด่งดังมาจนปัจจุบัน และทำให้เค้าโด่งดังไปทั่วในฐานะโจรสลัดที่มั่งคั่งที่สุดคือการเข้าปล้น เรือขนสมบัติของโปรตุเกส ซึ่งเป็นเรือของสังฆราสแห่งกัว(Bishop of Goa) ซึ่งบรรทุกทรัพย์สินมีค่ามาเต็มลำเรือ ทั้งเพรชนิลจินดา เครื่องทอง ผ้าไหม ไข่มุก ทองคำแท่งและอัญมณีต่างๆ ซึ่งรวมมูลค่าในปัจจุบันมากกว่า 450,000,000 เหรียญ แต่ดูเหมือนว่าเวรกรรมจะติดจรวดมิสไซส์
เรือของกัปตันโอลิเวีย ลาวาสเซอร์ ได้ปะทะกับพายุลูกใหญ่ กัปตันลาวาสเซอร์จึงสั่งให้ลูกเรือนำสมบัติทั้งหมดใส่ในกระบอกปืนใหญ่ทั้ง 72 กระบอกแล้วปิดผนึกปากกระบอกทั้งหมดก่อนทิ้งลงทะเลให้หมดเพื่อทำให้เรือเบา จนสามารถรอดพ้นจากพายุมาได้ ซึ่งจุดที่ทิ้งไม่แน่นอนและเป็นความลับโดยชื่อกันว่าตำแหน่งขุมสมบัติถูกบันทึกไว้ในลายแทงแห่งลาวาสเซอร์นั่นเอง
และก็มาถึงวันที่โดนจับ ไม่ทราบปีแน่ชัด แต่น่าจะเป็นปีเดียวกันกับวันที่ถูกแขวนคอ กัปตันโอลิเวีย ลาวาสเซอร์ ถูกจับในขณะที่นำเรือเทียบท่าที่ Fort Dauphin (ป้อมโลมา) และถูกส่งตัวไปที่เกาะ Bourbon แต่ปัจจุบันกลายเป็น Réunion เพื่อแขวนคอในข้อหาเป็นโจรสลัด สิ้นสุดตำนานโจรสลัดผู้มั่งคั่งในเวลา 5 โมงเย็น ของวันที่ 7 กรกฏาคม ปี 1730 (จากบันทึกบอกว่า ทางการฝรั่งเศสพยายามเค้นถามว่า ลื๊อเอาสมบัติทั้งหมดไปซ่อนไว้ที่ไหน เพราะอยากได้สมบัติ แต่กัปตันก็ไม่ยอมตอบ จนถูกแขวนคอในที่สุด)
โอลิเวีย ลาวาสเซอร์ จัดเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก จากลักษณะพิเศษหลายอย่างทำให้เค้าเป็นต้นฉบับโจรสลัดในยุคต่อมาทั้งด้านความร่ำรวยและหรูหรา โดยในตำนานกล่าวว่าเค้านำสมบัติที่ปล้นมาได้ ซ่อนไว้ตามเกาะในถ้ำต่างๆมากมายแต่ที่น่าจะเป็นจริงมีอยู่ 6แห่งดังนี้ Mauritius, Reunion, Frigate, Mahe, Rodrigues, St. Mary.
สมบัติส่วนใหญ่เป็นไข่มุก เพรชและทองคำที่ปล้นมาได้โดยเชื่อกันว่าครัั้งหนึ่งเรือของเค้าเกิดปะทะกับพายุใหญ่ทำให้ต้องทิ้งสัมภาระทั้งหมดลงทะเลซึ่งจุดนั้นเองน่าเป็นจุดที่สมบัติส่วนใหญ่ถูกซ่อนไว้ ซึ่งน่าจะเป็นบริเวณแถบเกาะ เรอูนียง – Réunion ประเทศฝรั่งเศส
เชื่อกันว่าลายแทงสมบัติอยู่ภายในสร้อยคอที่กัปตันโอลิเวีย ลาวาสเซอร์ สวมใส่อยู่เป็นประจำ เพราะตัวเขาเองก็คงไม่อยากลืมเช่นกันว่าทิ้งสมบัติไว้ที่ไหน จนกระทั่งในปี 1930 หญิงคนหนึ่งชื่อโรส ได้พบรอยแกะสลักบนหินริมชายหาด Bel Ombre บนเกาะมาเฮ ปกติจะไม่เห็น แต่วันนั้นระดับน้ำดันต่ำกว่าทุกวันที่มันควรจะเป็น ประกอบด้วยสัญลักษณ์รูป สุนัข งู เต่า ม้าบิน หัวใจ 2 ดวง รูกุญแจ ดวงตา หีบสมบัติ รูปหญิงสาวและหัวของผู้ชาย จากการสืบเสาะหาความจริงปรากฏว่าสถานที่นี้แห่งครั้งหนึ่งเป็นที่ดินของลาวาสเซอร์มาก่อน
และเมื่อนำไปเชื่อมโยงกับคำบอกเล่ของโจรสลัดลูกเรือของลาวาสเซอร์ ฉายา Le Butin กล่าวว่ามีรหัสลับอยู่อีก 3 แห่งและอีก 2 ลายแทง ยิ่งทำให้นักล่าสมบัติต่างเชื่อกันว่ายังมีสถานที่ซ่อนขุมสมบัติอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ที่ใหนซักแห่งในโลกอย่างแน่นอน
พออ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆรู้สึกรึเปล่าครับว่า มันช่างคล้ายกับเรื่องของ “ราชาโจรสลัด” โกล ดี. โรเจอร์ เสียจริงๆ ผมพยายามหา ref. จากหลายๆที่ก็ไม่มีที่ไหนบอกนะครับว่า อาจารย์เออิจิโระ โอดะ ได้นำเรื่องของ โอลิเวีย ลาวาสเซอร์ มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวการ์ตูนตัวนี้ขึ้น แต่ทั้งวันและปีก็เหมือนกันมากจริงๆ
“สมบัติของข้ารึ? ถ้าอยากได้ข้าจะยกให้ ก็ลองหาดูซี่ ข้าได้เอาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไว้ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว”
สิ้นเสียงประกาศบนลานประหารของ “ราชาโจรสลัด” โกล ดี. โรเจอร์ ยุคสมัยแห่งโจรสลัดที่ผู้มีความฝันทั่วโลกออกทะเลไล่ล่าสมบัติซึ่งเชื่อกันว่าโรเจอร์ทิ้งไว้ ณ สุดขอบโลกนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ตัวเขาซึ่งมีทั้งความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอำนาจนั้นช่างคล้ายกับโจรสลัดชื่อดังชาวฝรั่งเศส “โอลิวิเยร์ เลอวาสเซอร์” ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ครอบครองขุมทรัพย์มหาศาลมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโจรสลัด (ราว 1 พันล้านปอนด์ หรือ 4.2 หมื่นล้านบาท)
ก่อนจะถูกแขวนคอประหารในปี ค.ศ.1730 เลอวาสเซอร์โยนสร้อยคอซึ่งมีข้อความรหัสลับยาว 17 บรรทัดลงมากลางฝูงชนแล้วประกาศว่า “ใครที่อ่านมันออก จงไปตามหาสมบัติของข้า!” เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปและกลายเป็นความสนใจของนักล่าสมบัติทั่วโลกในทันที แม้เวลาจะผ่านมากว่า 200 ปี โดยไม่เคยมีรายงานว่าผู้ใดหาขุมทรัพย์นั้นเจอ แต่กระนั้นรหัสของเลอวาสเซอร์นั้นก็ยังคงมีผู้พยายามไขปริศนาและออกตามหาอยู่จนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณที่มา flagfrog
ภาพ google